ศูนย์บริการวิชาการท้องถิ่นและเครือข่ายชุมชน ร่วมกับฝ่ายพัฒนานักศึกษาและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน และกลุ่มวิชานาฏศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ศูนย์บริการวิชาการท้องถิ่นและเครือข่ายชุมชน ร่วมกับฝ่ายพัฒนานักศึกษาและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน และกลุ่มวิชานาฏศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้จัดกิจกรรม “โครงการสร้างความร่วมมือในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม สืบสานประเพณีชักพระจังหวัดสุราษฎร์ธานี” ณ วัดท่าอู่ ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และบริเวณริมแม่น้ำตาปี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีอาจารย์และนักศึกษาจำนวน 30 คน และตัวแทนจากชุมชน/ภาคประชาสังคม จำนวน ๕๐ คน เข้าร่วมกิจกรรมตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 06.30 น. – 19.00 น.

การจัดโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับชุมชนท้องถิ่นในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของนักศึกษาและประชาชนในการสืบสานประเพณีชักพระ ซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของภาคใต้ โดยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ได้ร่วมกับวัดท่าอู่จัดกิจกรรม “รำบัวแดง” ในขบวนแห่เรือพนมพระ เพื่อร่วมอนุรักษ์เอกลักษณ์ของท้องถิ่น และสร้างความภาคภูมิใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรมของตนเอง

นอกจากนี้ ขบวนแห่เรือพนมพระทางบกของ วัดท่าอู่ ยังได้รับ รางวัลชนะเลิศอันดับ 4 ในประเภทขบวนแห่เรือพนมพระทางบกขนาดเล็ก นับเป็นความภาคภูมิใจของคณะฯ และมหาวิทยาลัย ที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสืบสานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โครงการ “สร้างความร่วมมือในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม สืบสานประเพณีชักพระจังหวัดสุราษฎร์ธานี” ยังเป็นการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG 11 การพัฒนาเมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) ซึ่งมุ่งเน้นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชุมชนให้คงอยู่คู่สังคม การมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยและชุมชนในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนเติบโตอย่างมั่นคงบนพื้นฐานของคุณค่าทางวัฒนธรรม เกิดการพัฒนาเมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่มีความกลมกลืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสืบสานความงดงามของประเพณีชักพระให้คงอยู่คู่เมืองสุราษฎร์ธานีอย่างยั่งยืนต่อไป