สองสถาบันผนึกกำลังพัฒนาวิชาการและเทคโนโลยี มุ่งสู่ความร่วมมือทางวิชาการ
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิคม สุวรรณวร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิติพงศ์ เครือหงส์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการจับมือเพื่อความร่วมมือเชิงวิชาการ วิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้และต่อยอดองค์ความรู้สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ 30 กรกฎาคม 2567 ถึง 29 กรกฎาคม 2570 โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันดำเนินโครงการวิจัย การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกประสบการณ์วิชาชีพด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่นักศึกษาและบุคลากร ทั้งในภาคการศึกษา ภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น โดยเน้นการพัฒนาทักษะสมรรถนะที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ผ่านการเรียนรู้ในลักษณะ “lifelong learning” หรือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเสริมการใช้และพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภาคใต้ตอนบน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) และแนวทางการลดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้คือการยกระดับศักยภาพของทั้งสองมหาวิทยาลัยในการสร้างนวัตกรรมและความรู้ทางวิชาการที่สามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมกับสร้างเครือข่ายการพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง ตอบโจทย์สังคมแห่งอนาคต ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างครอบคลุม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
โครงการนี้จึงเป็นตัวอย่างของ “ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่เชื่อมโยงภาคการศึกษาและภาคปฏิบัติอย่างแท้จริง ทั้งยังส่งเสริมความ เท่าเทียม ทางการศึกษาและโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ของทุกภาคส่วนในสังคม
ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการพลังทางวิชาการและเทคโนโลยี เพื่อสร้างคุณภาพการศึกษาที่ยั่งยืน เสริมสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเท่าเทียม และวางรากฐานเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDG ผ่านแนวคิด lifelong learning, ความเท่าเทียม และความร่วมมือระหว่างสถาบัน เพื่อสังคมที่ดีขึ้นในอนาคต.
