มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ส่งเสริมนโยบายระบบคลังหน่วยกิต (University Credit Bank Policy) เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ดำเนินการตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยฯ ว่าด้วยการศึกษาระบบคลังหน่วยกิตระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาที่มุ่งพัฒนาและยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้สอดรับกับนโยบายการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และแนวทางของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถนำผลการเรียนหรือประสบการณ์จากแหล่งเรียนรู้นอกระบบมานับหน่วยกิตได้ตามมาตรฐานที่กำหนด นโยบาย University Credit Bank Policy หรือ ระบบคลังหน่วยกิต เป็นกลไกสำคัญในการสะสมและเทียบโอนผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งจากการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย โดยยึดหลัก “Same Evidence, Same Credit” หมายถึง ผู้เรียนที่มีหลักฐานหรือผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่ากัน จะได้รับการรับรองหน่วยกิตในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะมาจากสถาบันการศึกษา หรือการเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่น การฝึกอบรม ประสบการณ์ทำงาน หรือการเรียนรู้ออนไลน์ การดำเนินงานตามนโยบายนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ลดข้อจำกัดของเวลาและสถานที่ในการศึกษา อีกทั้งยังส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมเป็นแหล่งเรียนรู้และสนับสนุนการจัดการศึกษาตลอดชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีมุ่งมั่นพัฒนาระบบบริหารจัดการคลังหน่วยกิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นต้นแบบการศึกษาที่เปิดกว้าง ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มุ่งมั่นพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับครูบรรณารักษ์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สู่การเป็นห้องสมุดยุคดิจิทัล ส่งเสริมการศึกษา การเรียนรู้ และการเข้าถึงข้อมูลอย่างทั่วถึง
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2567 หอสมุด สำนักวิทยบริการฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะด้าน IT ให้กับครูบรรณารักษ์โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “AI และ การใช้งาน ChatGPT สำหรับงานห้องสมุด” จำนวน 22 คน เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้กับงานห้องสมุด วิทยากรโดย ผศ.ดร.เกวลิณ อังคณานนท์ และ ดร.ธิติมานันท์ ดำรงศักดิ์เมธี ให้ความรู้แก่ครูบรรณารักษ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับงานห้องสมุด เรียนรู้การใช้งาน ChatGPT และ AI สำหรับงานห้องสมุด สามารถเข้าใจบทบาทของ AI ในงานห้องสมุด นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้พัฒนาการบริการห้องสมุด รวมทั้งส่งเสริมการอ่าน การเรียนรู้ และการเข้าถึงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ผศ.ปริญญา น้อยดอนไพร ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการฯ กล่าวเปิดงานและต้อนรับครูบรรณารักษ์โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โดยมุ่งหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูบรรณารักษ์ ได้นำมาประยุกต์ใช้กับงานห้องสมุด และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบรรณารักษ์ยุคใหม่
หอสมุด มรส. เปิดโอกาสให้นักศึกษาและผู้สนใจเข้าร่วมอบรมออนไลน์ โครงการ“จากมือใหม่สู่ผู้เชี่ยวชาญ : สืบค้นข้อมูลวิชาการ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 หอสมุด จัดอบรมออนไลน์ โครงการ“จากมือใหม่สู่ผู้เชียวชาญ : สืบค้นข้อมูลวิชาการ” โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดย นางเบญจมาศ เทอดวีระพงษ์ บรรณารักษ์ หอสมุด บรรยายในหัวข้อ “ฐานข้อมูลวิชาการที่คุณต้องรู้” เพื่อเสริมทักษะในการค้นคว้าข้อมูลวิจัย, เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานฐานข้อมูล, และเตรียมความพร้อมในการทำวิจัยและเขียนผลงานวิชาการ และ นางกฤติยา รักสวัสดิ์ บรรณารักษ์ หอสมุด บรรยายในหัวข้อ “การใช้งานระบบ ThaiJo สำหรับวารสาร” เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถใช้ระบบ ThaiJo เพื่อสืบค้นข้อมูลจากบทความวิชาการและวารสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักศึกษาเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม 150 คน ตลอดระยะเวลาการอบรม ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การใช้ฐานข้อมูลวิชาการและการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงทักษะการใช้งานระบบ ThaiJo เพื่อค้นหาบทความจากวารสารวิชาการภาษาไทย และการใช้เครื่องมืออ้างอิงเพื่อสนับสนุนการทำวิจัยและการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“สำนักศิลปะฯ มรส. พัฒนาแหล่งเรียนรู้ ‘มรดกสิ่งทอภาคใต้’ ยกระดับชุมชนสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม”
สำนักศิลปะและวัฒนธรรมดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น “มรดกสิ่งทอภาคใต้” เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นการเพิ่มทางเลือกช่องทางหนึ่งในการท่องเที่ยวในอำเภอเมือง มุ่งเพื่อพัฒนาทักษะ Up skill/Reskill อาจารย์ ชุมชน กลุ่มทอผ้า วิสาหกิจชุมชน พัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษาโดยการเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อตอบสนองทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยมีมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นคลังข้อมูลและศูนย์กลางในการถ่ายทอดความรู้ เพื่อการสร้างบุคลากรช่างย้อม ครูช่างย้อม วิทยากรและนวัตกร กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านนี้มาก่อนเมื่อผ่านการอบรมแล้วสามารถฟอกเส้นไหมและย้อมสีเส้นไหมด้วยวัสดุธรรมชาติในการสร้างสรรค์งานทอของตนเองได้ หรือเป็นช่างย้อมที่สามารถรับจ้างทำงานฟอกย้อมให้แก่ช่างทออื่น ๆ ได้ มีจำนวนไม่น้อยที่สามารถขยายผลด้วยการเป็นครูถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่น ในชุมชน หรือสามารถเป็นผู้บรรยาย นำชม เมื่อมีแขกไปเยือนชุมชนของตนเอง สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานมาบ้างแล้วหรือมาร่วมกิจกรรมซ้ำมากกว่าหนึ่งครั้ง สามารถเพิ่มพูนทักษะในระดับที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และเขียนตำราได้ และบางคนพัฒนาไปถึงขั้นเป็นนวัตกรสร้างสรรค์นวัตกรรมในการถ่ายทอดได้ นอกจากนี้ผู้เช้าร่วมกิจกรรมสามารถนำความรู้ไปใช้ใช้ในการประกอบอาชีพได้ทำให้มีรายได้ในครัวเรือนและชมชนเพิ่มขึ้น ลดช่องว่างของรายได้ในชุมชน สงเสริมต่อยอดธุรกิจให้ยั่งยืน ผลสำเร็จของโครงการประกอบด้วย 1. จำนวนหลักสูตรมรดกสิ่งทอพื้นถิ่น สำหรับชุมชน นักท่องเที่ยว และสถานศึกษา 5 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการผลิตเส้นใย หลักสูตรการฟอกย้อมด้วยวัสดุจากธรรมชาติ หลักสูตรการตรียมการทอและการทอผ้าพื้นถิ่นภาคใต้ หลักสูตรการทำผ้ามัดย้อมและผ้าบาติก และหลักสูตรการพัฒนาบริหารจัดการ ชุมชมชนทอผ้า/หัตถกรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 2. จำนวนนวัตกรในการบริหารจัดการชุมชมชนทอผ้า/หัตถกรรม […]
“ครูรัก(ษ์)ถิ่น” ครุศาสตร์ราชภัฏสุราษฎร์ฯ ปลุกพลังการศึกษา ลดความยากจนในพื้นที่ห่างไกล
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรมรัก(ษ์)ท้องถิ่นกับทีมครูนักพัฒนาชุมชนโรงเรียนและจิตอาสาครุชนคนรัก(ษ์)ถิ่นแบบร่วมมือ ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2567 ณ โรงเรียนบ้านหาดริ้น อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนักศึกษาโครงการทุนครูรัก(ษ์)ถิ่น รุ่นที่ 1 ลงพื้นที่ร่วมเรียนรู้ สร้างความสัมพันธ์ และพัฒนาโรงเรียนร่วมกับชุมชน กิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการลงพื้นที่ แต่คือการลงไปเติม “โอกาส” ให้กับเด็กและชุมชนห่างไกลนักศึกษาได้เรียนรู้วิถีชุมชนบ้านหาดริ้น ทั้งประวัติศาสตร์ ทรัพยากรชุมชน สังคมพหุวัฒนธรรม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อเข้าใจรากเหง้าและศักยภาพของชุมชนในการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์โรงเรียน จัดสภาพแวดล้อมห้องเรียน และวาดภาพกำแพง เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ได้เรียนอย่างมีความสุข โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่นเป็น โมเดลสำคัญในการลดความยากจน ผ่านการศึกษา (Learning Access & Outcome) เพราะพื้นที่ห่างไกลคือพื้นที่ที่ความยากจนซ้ำซ้อนกับการขาดโอกาสทางการศึกษาอย่างชัดเจน โครงการนี้คือสะพานที่พานักเรียนเหล่านี้สู่โอกาสในการเรียนจนจบปริญญาตรี พร้อมกลับไปเป็นครูในบ้านเกิดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้ชุมชนอย่างยั่งยืน การมีครูรุ่นใหม่ที่เข้าใจรากฐานชุมชนและการเรียนรู้ คือหัวใจในการขจัดความยากจนในพื้นที่ห่างไกล เพราะเมื่อเด็กได้รับการศึกษา ครอบครัวจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ชุมชนจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้น และวงจรความยากจนจะถูกทำลายลง โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น: ยกระดับคน พัฒนาชุมชน โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของ 6 หน่วยงาน (ศธ., […]