
มรส. ประกาศเจตจำนงขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอน เข้าร่วมเวทีความร่วมมือระดับชาติ SUN Thailand
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา รัตนพรหม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้แสดงวิสัยทัศน์เชิงรุก มอบหมายให้ ดร.ภณัฐดาว จันทรศิริ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ศักดิ์ นพรัตน์ เป็นผู้แทนเข้าร่วม ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้กรอบเครือข่าย มหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Sustainable University Network of Thailand – SUN Thailand) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28–29 พฤศจิกายน 2567 ณ มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา
เวทีประชุมในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการร่วมกำหนดทิศทางและกลไกการขับเคลื่อนเป้าหมายด้าน Carbon Neutrality ในระดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยเฉพาะการบูรณาการแผนยุทธศาสตร์และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อสนับสนุนพันธกิจของเครือข่ายในการมุ่งสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2040 ตามประกาศเจตนารมณ์ร่วมของมหาวิทยาลัยสมาชิกทั่วประเทศ
ในการประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practices) ด้านการจัดการพลังงาน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการหลักสูตรที่สนับสนุน SDGs รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรทั้งระบบ เพื่อยกระดับสู่ “มหาวิทยาลัยสีเขียว” อย่างเป็นรูปธรรม
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ มรส. ในการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืนที่มีบทบาท “เชิงรุก” และ “นำการเปลี่ยนแปลง” ไม่เพียงแต่ในระดับสถาบัน หากแต่ขยายผลเชิงระบบสู่ระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยในการสร้าง “นวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ผ่านการวิจัย บริการวิชาการ และการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเข้าร่วมประชุมและการดำเนินงานภายใต้แนวคิด Carbon Neutrality ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถกำหนดแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับบริบทของตนเอง พร้อมบูรณาการเข้าสู่แผนปฏิบัติการทั้งในระดับหน่วยงาน คณะ และสถาบันได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาหลักสูตร การเรียนรู้ และกิจกรรมนักศึกษาที่ส่งเสริมจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เริ่มต้นแล้วในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และการออกแบบกิจกรรมในวิทยาเขตให้สอดคล้องกับหลักการของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังสามารถใช้โอกาสจากเวทีเครือข่ายนี้เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ร่วมกันสร้างโครงการบูรณาการ เช่น การพัฒนาหลักสูตรร่วมด้านสิ่งแวดล้อม หรือการจัดทำฐานข้อมูลการปล่อยคาร์บอนในสถานศึกษา ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในระยะยาว
ผลกระทบของการดำเนินงาน ขยายออกไปในหลายระดับ ไม่เพียงแต่ภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระดับชุมชนและท้องถิ่น โดยภายในมหาวิทยาลัยเอง ได้วางแผนการจัดตั้งระบบ การติดตาม ตรวจวัด และประเมินผลด้าน Carbon Footprint ซึ่งสามารถใช้ประกอบการวางแผนและการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ในระดับชุมชน มหาวิทยาลัยสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในการถ่ายทอดแก่ผู้นำท้องถิ่น โรงเรียน และกลุ่มอาชีพ ผ่านโครงการบริการวิชาการที่เน้นการมีส่วนร่วม เช่น โครงการ “ชุมชนสีเขียว” หรือ “โรงเรียนปลอดคาร์บอน” เพื่อขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่เป็น “ศูนย์กลางการพัฒนาท้องถิ่นด้วยพลังปัญญา” อย่างแท้จริง การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงเจตจำนงร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศในการเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน พร้อมทั้งเน้นย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีในฐานะ “ศูนย์กลางการพัฒนาท้องถิ่นด้วยพลังปัญญา สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
