ศูนย์สุขภาพชุมชน มรส. จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคล

ศูนย์สุขภาพชุมชน มรส. จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคล

วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568

การบริจาคโลหิต ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมจิตอาสาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะโลหิตคือสิ่งที่ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ในห้องทดลอง และมีความจำเป็นต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยในหลากหลายกรณี เช่น การผ่าตัด การรักษาโรคโลหิตจาง และอุบัติเหตุต่างๆ การที่ใครสักคนเลือกที่จะสละโลหิตของตนเอง จึงเท่ากับเป็นการมอบโอกาสในการมีชีวิตอยู่ให้กับผู้อื่นอีกครั้ง กิจกรรมบริจาคโลหิตไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความเสียสละและเมตตาธรรมเท่านั้น แต่ยังมีผลเชิงบวกต่อสุขภาพของผู้บริจาคเองด้วย เช่น การกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดใหม่ การตรวจคัดกรองสุขภาพขั้นต้นก่อนบริจาค ฯลฯ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การบริจาคโลหิตคือกิจกรรมที่ทั้ง “ให้” และ “ได้” อย่างแท้จริง

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยศูนย์สุขภาพชุมชน ได้ตระหนักถึงบทบาทในการสร้างสังคมแห่งการเกื้อกูล จึงได้จัดกิจกรรม บริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี วันที่ 3 มิถุนายน 2568 กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักศึกษา คณาจารย์ บุคลากร และประชาชนทั่วไป ได้มีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ต่อสังคม การจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในด้าน SDG (Sustainable Development Goals) หรือเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะข้อที่ 3 “การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี” และข้อที่ 17 “การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา” เพราะเป็นการรวมพลังของหลายภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยเพื่อเป้าหมายร่วมกัน

การบริจาคโลหิตเป็นมากกว่าการแบ่งปันเลือด แต่คือการส่งต่อชีวิต สร้างความหวัง และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ การดำเนินกิจกรรมนี้โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีจึงถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนแนวคิด “พัฒนาอย่างยั่งยืน” ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสะท้อนคุณค่าในหลักการของ SDG อย่างชัดเจน ท้ายที่สุด การสร้างจิตสำนึกในเรื่องการให้ การเสียสละ และการดูแลผู้อื่น เป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมที่ยั่งยืน และมหาวิทยาลัยควรเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการนี้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง