โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาวิทยากรด้านการดูแลสุขภาพจิต เพื่อพัฒนาทักษะวิศวกรสังคม (เพื่อนสู่เพื่อน)

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาวิทยากรด้านการดูแลสุขภาพจิต เพื่อพัฒนาทักษะวิศวกรสังคม (เพื่อนสู่เพื่อน)

คณะพยาบาลศาสตร์มีความร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถาบันสุขภาพของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ 1 คน (คราวการจัดทำบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต ระหว่างวันที่ 2 ธันวาคม 2567-17 มกราคม 2568) ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้มีบัตรฯ จึงเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือนักศึกษา บุคลากร และประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพจิต โดยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ.2551

ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญด้านการส่งเสริมสุขภาพจิตในกลุ่มเยาวชน (นักศึกษาของมหาวิทยาลัย) เมื่อปี พ.ศ.2567 คณะพยาบาลศาสตร์ร่วมกับกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาวิทยากรด้านการดูแลสุขภาพจิต เพื่อพัฒนาทักษะวิศวกรสังคม (เพื่อนสู่เพื่อน) สำหรับนักศึกษาหลากหลายหลักสูตร-คณะ (จากเดิมเป็นโครงการที่จัดให้เฉพาะนักศึกษาพยาบาล ดำเนินการโดยอาจารย์และเจ้าหน้าที่คณะพยาบาลศาสตร์) เป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษามีทักษะในการดูแลสุขภาพจิตของตนเองและผู้อื่น ผ่านกระบวนการอบรมแบบมีส่วนร่วม โดยเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ข้อที่ 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-Being) มุ่งเน้นการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตแก่นักศึกษา

กิจกรรมในโครงการใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Experiential Learning) และกระบวนการวิศวกรสังคม เป็นรูปแบบกิจกรรมเชิงรุก เพิ่มเติมจากการบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตสำหรับนักศึกษาที่ประสงค์เข้ารับบริการ (walk in) ซึ่งเป็นการให้บริการเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว กิจกรรมในโครงการฯประกอบด้วย 1. การดูแลจิตใจตนเอง กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ 1) การรู้เท่าทันความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง (Check-in อุณหภูมิใจ) 2) การอยู่กับตัวเองอย่างมั่นคง (Grounding) 3) เชื่อมโยงพลังงานด้านบวก (Positive connection) 4) ใช้ภาษารัก (Love language) และ 5) แสวงหาแหล่งประโยชน์เพื่อดูแลใจได้อย่างเหมาะสม 2. การส่งเสริมทักษะชีวิต ผ่านบทบาทวิทยากรด้านการดูแลสุขภาพจิต (Junior Master Trainer, JMT) ส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นผู้มีความสามารถรับรู้สุขทุกข์ของผู้อื่นอย่างเข้าใจ (Empathy) มีทักษะการควบคุมอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของตนเองได้ (Self-control) และสามารถจัดการตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ (Self-management) ส่งเสริมให้นักศึกษารู้จักกับความคาดหวัง เข้าใจและยอมรับความผิดหวัง การจัดการกับความผิดหวัง เรียนรู้และเริ่มต้นใหม่ และ 3. การดูแลจิตใจผู้ใกล้ชิด (เพื่อน-รุ่นพี่-รุ่นน้อง) โดยเฉพาะความสามารถให้การปฐมพยาบาลทางใจ (Psychological First Aid, PFA) ด้วยหลัก 3 ส พลัส คือ“สอดส่อง-มองหา-ใส่ใจรับฟัง-ส่งต่อเชื่อมโยง-ให้ข้อมูล-ช่วยให้เข้าถึงบริการ” ตามแนวทางของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

ผลลัพธ์ของโครงการเชิงปริมาณ

ผู้เข้าร่วมโครงการ นักศึกษาจำนวนรวม 416 คน ประกอบด้วย

วันที่ 6-7 กรกฎาคม 2567 กิจกรรมการพัฒนาวิทยากรการดูแลสุขภาพจิตฯ (JMT) จำนวน 23 คน (นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3: วิทยากรดูแลใจรุ่นที่ 1)

วันที่ 13-14 กรกฎาคม 2567 กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการดูแลใจตนเองและคนรอบข้างเพื่อสร้าง

พลังเชิงบวกและพัฒนาทักษะวิศวกรสังคม โดยใช้ภาษารัก จำนวน 323 คน (ผู้เข้ารับการอบรม 300 คน เป็นตัวแทนจาก 7 คณะของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และผู้อบรม 23 คน เป็นวิทยากรดูแลใจรุ่นที่ 1)

วันที่ 3-4 สิงหาคม 2567 กิจกรรมการพัฒนาวิทยากรการดูแลสุขภาพจิตฯ (JMT) จำนวน 23 คน

(นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ คณะครุศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์: วิทยากรดูแลใจรุ่นที่ 2)

วันที่ 17-18 สิงหาคม 2567 กิจกรรมการเสริมสร้างทักษะการเป็นวิทยากรการดูแลสุขภาพจิตฯ (JMT) จำนวน 70 คน (ผู้เข้ารับการอบรม 70 คน เป็นตัวแทนจาก 7 คณะของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ที่ไม่เคยได้รับการอบรม และผู้อบรม 23 คน เป็นวิทยากรดูแลใจรุ่นที่ 2)

ผลกระทบของโครงการผ่านการวิจัยเชิงคุณภาพ

การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 20 ราย โดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) พบว่านักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการมีประสบการณ์และมุมมองเชิงบวกต่อโปรแกรมฯ ประเด็นสำคัญคือ ความแตกต่างจากโปรแกรมอื่น จุดแข็งของโปรแกรม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ผลการศึกษาพบว่า โปรแกรมนี้แตกต่างจากโปรแกรมอบรมทั่วไปที่สำคัญคือ เน้นการดูแลใจ สะท้อนตนเอง และการฟังอย่างลึกซึ้ง สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยซึ่งเอื้อต่อการเปิดใจและเรียนรู้ร่วมกัน อีกทั้งยังส่งเสริมความกล้าแสดงออก ความมั่นใจในการพูด การสื่อสารเชิงบวก และการสังเกตความรู้สึกของผู้อื่น จากการสัมภาษณ์ยังสะท้อนว่านักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการเกิดการตระหนักรู้ตนเอง มีความผูกพันกับเพื่อนและรุ่นพี่ในกิจกรรม สามารถนำทักษะที่ได้รับจากโปรแกรมฯ ไปใช้ในชีวิตจริง เช่น การรับฟังอย่างตั้งใจ ให้กำลังใจเพื่อนที่มีปัญหา แนะนำแหล่งประโยชน์ด้านการดูแลจิตใจ รวมถึงเกิดความภาคภูมิใจในบทบาทของตนในฐานะวิทยากรดูแลใจ

การเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDG 3

โครงการนี้ตอบสนองต่อเป้าหมาย SDG 3 การส่งเสริมสุขภาพจิตที่สำคัญคือ มุ่งลดอัตราการฆ่าตัวตายและโรคซึมเศร้าโดยเน้นการสร้างระบบดูแลใจในกลุ่มนักศึกษา ซึ่งเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของเยาวชนในมิติการส่งเสริมสุขภาพจิต ผ่านกิจกรรมเชิงรุก รูปแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (peer support system) ให้แก่นักศึกษาทั่วไปและนักศึกษาผู้มีบทบาทเป็นวิทยากรดูแลใจ อีกทั้งเป็นการเพิ่มจำนวนนักศึกษาและบุคลากร (อาจารย์ เจ้าหน้าที่คณะพยาบาลศาสตร์และเจ้าหน้าที่กองพัฒนานักศึกษา) ที่มีศักยภาพด้านการดูแลสุขภาพจิตให้กับนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืนต่อไป โครงการนี้มีทั้งผลลัพธ์เชิงปริมาณและผลกระทบที่ชัดเจนในการส่งเสริมสุขภาพจิตและสมรรถนะทางสังคมของนักศึกษา ทั้งยังสามารถขยายผลไปสู่ระดับมหาวิทยาลัยและชุมชนในวงกว้าง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง