คณะนิติศาสตร์ มรส. จัดห้องเรียนวิศวกรสังคม พื้นที่ตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร นำองค์ความรู้ทางวิชาการไปสู่การใช้ประโยชน์ ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น

ผลการดำเนินงานห้องเรียนวิศวกรสังคม

1.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย โครงการห้องเรียนวิศวกรสังคม เน้นการใช้ชุมชนเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง โดยใช้กระบวนการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Process) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

  • 1.1 บุคลากรที่มีส่วนร่วมของท้องถิ่นและสังคมเป้าหมาย ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่ และประชาชนที่เป็นแกนนำจากโรงเรียนผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพุ
  • 1.2 ทรัพยากรที่ชุมชนร่วมให้การสนับสนุน บุคลากร สถานที่ ทรัพยากรข้อมูล
  • 1.3 กระบวนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและสังคมเป้าหมาย กำหนดวางแผนการจัดกิจกรรมโครงการ ระบุกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการติดต่อสื่อสาร การมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลสำคัญของชุมชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องตลอดจนเสร็จสิ้นโครงการ
  • 1.4 กระบวนการที่ทำให้ท้องถิ่นและสังคมเป้าหมายยอมรับ การศึกษาข้อมูลและบริบทเบื้องต้นของชุมชน การจัดเตรียมข้อมูล วิทยากร มีการติดตามผล ทำแบบทดสอบ

2. สภาพการณ์ก่อนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

  • 2.1 การเลือกพื้นที่ในการทำงานชุมชนกำลังประสบปัญหาเรื่องทรัพย์มรดก
  • 2.2 กระบวนการให้ได้มาซึ่งข้อมูลบริบทพื้นที่ทำไทม์ไลน์ลงพื้นที่สำรวจ และเก็บข้อมูลของชุมชน
  • 2.3 วิธีการคัดเลือก/ระบุปัญหาหรือความต้องการของชุมชนได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องกฎหมายในพื้นที่ จึงทราบมาซึ่งปัญหา และได้จัดการแบ่งกลุ่มวิพากษ์ปัญหาของชุมชน จึงได้มาซึ่งความต้องการในประเด็นนี้
  • 2.4 กระบวนการวิเคราะห์สภาพการณ์ของพื้นที่/ชุมชนก่อนการเปลี่ยนแปลงลงพื้นที่เก็บข้อมูลพื้นฐานของชุมชนก่อนทำโครงการพบว่าประชาชนยังขาดความรู้ในเรื่องกฎหมายครอบครัว ซึ่งส่งผลต่อการเสียสิทธิในระหว่างความเป็นสามี ภรรยา และบุตร ตามหลักกฎหมาย และประชาชนยังมีความรู้ที่ผิดหลักในกฎหมายมรดก

3. กระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี

กำหนดเป้าหมาย วางแผนการดำเนินการ กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ดำเนินการตามแผนและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

  • 3.1 กระบวนการที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลง คือ เตรียมพร้อม วางแผน สนับสนุน ตรวจสอบและประเมินผล
  • 3.2 วิธีการที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลง คือ การสื่อสาร ประสานความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของประชาชน
  • 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการ คือ ทักษะวิศวกรสังคม นักคิด นักสื่อสาร นักประสาน นวัตกร

4. ความรู้ความเชี่ยวชาญที่ใช้ในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

  • 4.1 ความรู้ หรือความเชี่ยวชาญของผู้ดำเนินโครงการ/ทีมงาน วิทยากรประจำโครงการ
  • 4.2 ความรู้หรือความเชี่ยวชาญของชุมชนในพื้นที่ประชาชนมีภูมิปัญญาท้องถิ่น มีข้อมูลพื้นฐานและบริบทชุมชน จึงให้ข้อมูลแก่ผู้รับผิดชอบโครงการได้อย่างเม่นยำ

5. การคาดการณ์สิ่งที่จะตามมาหลังจากการเปลี่ยนแปลงนั้น ประชาชนในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพุมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฎหมายครอบครัวมากขึ้น

  • 5.1 ด้านการศึกษา เช่น ประชาชนที่เข้าไม่ถึงการศึกษาก็สามารถเข้าถึงการศึกษาได้โดยไม่มีกรอบจำกัด
  • 5.2 ด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น นำไปสู่การสืบสาน อนุรักษ์และฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีของชุมชนและถูกต้องตามหลักกฎหมาย
  • 5.3 ด้านสิ่งแวดล้อม คือ สนับสนุนให้ประชาชนรักและหวงแหนพื้นที่ ที่ดินของตนเองเพื่อไม่ตกทอดสู่นายทุน
  • 5.4 ด้านเศรษฐกิจ คือ ถ้ามีการรักษาขนบธรรมเนียมและรักษาทรัพย์มรดกไว้จะทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
  • 5.5 ด้านสังคม เช่น เพื่อทำให้การสมรสถูกต้องตามกฎหมายสิทธิต่างๆของคู่สมรสและบุตร
  • 5.6 ด้านสุขภาพ ประชาชนมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
  • 5.7 ด้านนโยบายและการบริหารจัดการ คือ การสร้างพื้นที่เรียนรู้เพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนท้องถิ่น มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

6. การประเมินผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น วัดผลลัพธ์ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เช่น คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้น ปัญหาการแย่งชิงมรดกลดลง

  • 6.1 ข้อมูลที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลง นักศึกษามีทักษะตามหลักวิศวกรสังคมมากขึ้น ประชาชนในชุมชนมีความรู้เฉพาะเรื่องมากขึ้น
  • 6.2 การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มผู้มีส่วนร่วมโครงการ ผู้สอน เตรียมพร้อมมากขึ้น นักศึกษามีความกระตือรือร้น มีวินัย มีความรับผิดชอบมากขึ้น ประชาชนที่เข้าโครงการมีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายครอบครัวมรดกมากยิ่งขึ้น
  • 6.3 เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล ทำแบบทดสอบ การร่างพินัยกรรม และมอบเกียรติบัตร

7. แนวทางการติดตาม และธำรงรักษาพัฒนาการที่เกิดขึ้นให้คงอยู่ต่อไป

  • 7.1 พัฒนานักศึกษาและนักวิชาการชุมชน เช่น สร้างหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน ส่งเสริมงานวิจัยแก่นักศึกษา
  • 7.2 สร้างต้นแบบการแก้ปัญหาในท้องถิ่นหรือสร้างแหล่งเรียนรู้โดยอาศัยปราชญ์ท้องถิ่นหรือผู้ที่ประชาชนในชุมชนให้ความเคารพนับถือ
  • 7.3 การหนุนเสริมด้วยโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ท้องถิ่นได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อขยายแนวคิดและหาแนวร่วมทางวิชาการ
  • 7.4 การส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด การเข้าร่วมจัดนิทรรศการ ประชาสัมพันธ์สินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน