
บัณฑิตวิทยาลัย มรส. สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการขับเคลื่อน SDG 17 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านหุ้นส่วนความร่วมมือระดับชาติและนานาชาติ
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีกับเครือข่ายบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยภาคใต้และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมเฟื่องฟ้า ชั้น 4 อาคารสำนักงานอธิการบดี พร้อมกับการจัดประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยบัณฑิตศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 ภายใต้หัวข้อ “Glocalization, Technology, and Soft Power in Digital Era” โดยโครงการความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นจากการตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับบัณฑิตศึกษาเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถและยกระดับศักยภาพในการกำกับมาตรฐานการจัดการศึกษา โดยบัณฑิตวิทยาลัยได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บุคลากร และทรัพยากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพของอาจารย์และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ซึ่งตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดหุ้นส่วนความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างสถาบันการศึกษาหลายภาคส่วนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่ดี (SDG 17)

การดำเนินงานประกอบด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โดยมีผู้บริหารจากเครือข่ายบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยภาคใต้ จำนวน 11 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ และมหาวิทยาลัยฟาฏอนี รวมถึงผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการจัดประชุมวิชาการระดับชาติซึ่งมีคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศเข้าร่วม กระบวนการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือนี้ได้กำหนดแผนการดำเนินกิจกรรมร่วมกันครอบคลุมทั้งการจัดประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา การพัฒนาหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมระดับบัณฑิตศึกษา และการพัฒนาวารสารทางวิชาการร่วมกัน การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 4 เป็นการนำแผนความร่วมมือไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการบรรยายพิเศษโดยรองศาสตราจารย์ ดร.อาวรณ์ โอภาสพัฒนกิจ อุปนายกสมาคมพันธกิจสัมพันธ์มหาวิทยาลัยกับสังคม ในหัวข้อ “บัณฑิตศึกษากับการวิจัยรับใช้ท้องถิ่นและสังคม” และการนำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยายจำนวน 63 ผลงาน

ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากโครงการความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการที่เข้มแข็งระหว่าง 12 สถาบันการศึกษา รวมทั้งการเป็นเวทีในการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ในงานวิจัยและนวัตกรรมที่ไม่จำกัดพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ผ่านการนำเสนอผลงานวิจัยทั้งในรูปแบบ Onsite และ Virtual Online ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มสาขาวิชา ได้แก่ กลุ่มการศึกษาและการจัดการเรียนรู้ กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ กลุ่มมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม และกลุ่มบริหารธุรกิจ การท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์ ความร่วมมือนี้ได้สร้างกลไกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายด้านการวิจัยที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล
การดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลกระทบให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ ทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาที่ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีและการพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง การบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชาที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาเชิงซับซ้อนของสังคม การสร้างเวทีการนำเสนอผลงานวิจัยที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยและนักศึกษาได้เผยแพร่องค์ความรู้และสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ ความร่วมมือระหว่างเครือข่ายบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยภาคใต้และมหาวิทยาลัยจากภูมิภาคอื่นที่เป็นการขยายขอบเขตความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาโครงการวิจัยและนวัตกรรมร่วมกันในอนาคต
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กับเครือข่ายบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยภาคใต้ และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล และการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยบัณฑิตศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 นี้เป็นต้นแบบสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 17 ผ่านการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งบัณฑิตวิทยาลัยได้ขับเคลื่อนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคีเครือข่ายอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างความร่วมมือทางวิชาการและการสร้างเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรและนักศึกษา ความสำเร็จของโครงการนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบต่อการพัฒนาทางวิชาการ แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาโครงการความร่วมมือในอนาคตที่จะขยายผลการพัฒนาที่ยั่งยืนในวงกว้างและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
